20 กรกฎาคม 2555

Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง

หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปิดบวกหลังนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
หลังจากรัฐสภาเยอรมนีได้อนุมัติให้มีการนำเงินจากกองทุนรักษาเสถียภาพการเงินยุโรป (EFSF)
เพื่อให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปน
ด้านสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดีนัก
โดยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานขึ้นมาเกือบ 3.9 แสนราย
และยอดขายบ้านมือสองรวมทั้งดัชนีชี้นำล่วงหน้า LEI ต่ำกว่าคาด
ซึ่งน่าจะเพิ่มความหวังต่อ QE3 ได้บ้าง ทั้งนี้สัปดาห์หน้าความคาดหวังต่อ QE3
ยังน่าจะเป็นปัจจัยบวกหนุนตลาดทุนและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ก่อน Fed จะประชุมในวันที่ 31 ก.ค. นี้
แต่ค่าเงินยูโรยังอยู่ในทางอ่อนอยู่หลังจากสเปนประมูลพันธบัตรมีดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก
และดอกเบี้ย 10 ปีในตลาดรองยืนเหนือ 7%
ภาพรวมให้ติดตามการประชุมของ รมว.คลังยุโรปในคืนวันนี้
ว่าจะมีการอนุมัติให้เงินช่วยเหลือสเปนในทันทีหรือไม่ 
หลังจากรัสภาของเยอรมันผ่านหลักการให้ความช่วยเหลือสเปนแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา

 ***

เพื่อให้เห็นภาพของผู้ซื้อกับผู้ขายในตลาด Forex มากขึ้น ว่ามีกระบวนการเช่นไร
ผมขอยกบทความจาก thailandinvestorclub.com มาลงในบล็อกนี้
เผื่อจะเป็นประโยชน์กับนักเทรดหน้าใหม่ หรือเป็นแง่คิดสำหรับผู้ที่กำลังเทรดอยู่ได้เข้าใจ

ก่อนอื่นก็พิจารณาความหมายของสองคำนี้
อุปสงค์ (Demand) หมายถึง ความต้องการและความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการ
อุปทาน (Supply) หมายถึง สินค้าหรือบริการที่พร้อมจะขายในตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการซื้อ

Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง
คุณกำลังเข้าซื้อที่ราคานี้...แล้วใครขายให้คุณ...?

ตลาด forex เป็นตลาด zero sum หมายความว่าเมื่อรวมผลลัพท์ของผู้ที่ได้กำไรและผู้ที่ขาดทุน ก็จะได้เป็น 0
หรือให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อมีคนหนึ่งได้ ย่อมมีอีกคนหนึ่งเสีย
และเมื่อเราเสียจะมีอีกคนหนึ่งที่ยิ้มรับกำไรที่ได้จากเราไป...

มาดู "ผู้เล่น" และบทบาทต่างๆ กันดีกว่า

1. Market Maker ก็คือ ผู้จัดการตลาด เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับ forex แล้ว ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น MM ก็น่าจะเป็น Big Bank ที่ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินสกุลนั้นๆ
อีกทั้งเป็นผู้ที่ตั้งอัตราแลกเปลี่ยน เพราะว่า MM นั้นสามารถมองเห็นปริมาณ Order ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย
ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ เช่น เมื่อ MM เห็น order ฝั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่มี order ฝั่งขายน้อย
MM ก็จะขยับราคาขึ้นเพื่อยับยั้งผู้ซื้อรายใหม่ และจูงใจให้เกิดการขาย

2. Smart Money พวกนี้คือ กองทุนสถาบันการเงิน และธนาคารที่เข้ามาแสวงหากำไร
พวกนี้มีเงินถุงเงินถัง และต้องการกำไรที่มั่นคง เขาจะกระจายความเสี่ยงตามหลักการลงทุน
ทั้งเล่นสั้นทั้งเล่นยาว เนื่องจากมีเงินจำนวนมาก
ทำให้ SM สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

3. Mass คือ นักลงทุนรายย่อย หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "แมงเม่า" นั่นเอง
กลุ่มนี้มีเป็นจำนวนมาก เข้ามาในตลาดเพื่อหวังได้กำไร แต่มักขาดทุนตลอด
ดูใกล้ๆ ตัวก็ได้ กี่คนที่เข้ามาในตลาดแล้วมีแต่เสียกับเสีย

แล้วทำไม Mass ถึงเสียตลอด และทำไม SM ถึงได้เสมอ 
ต้องมาดูกระบวนการทำงานของ SM กัน

SM จะทำอยู่ 4 อย่าง
1. Accumulation
2. Mark Up
3. Distribution
4. Mark Down


Accumulation
เมื่อ sm ดูราคาแล้วคิดว่าเหมาะสมที่จะเริ่มซื้อ (ตลาดมักเป็นขาลงอยู่) และคิดเปลี่ยนทิศทางของตลาด
ในขณะนั้นมักจะมี supply เป็นจำนวนมาก และราคาถูก
เพราะ mass เทขาย sell ออกมาเป็นจำนวนมากและยังคิดจะขายอีก
เหมือนกับเมื่อเราเห็นแท่งแดงๆ หรือขาวๆ วิ่งลงยาวๆ
เราจะอยู่ไม่สุข อยากเข้า อยากชอต อยากขาย ไม่อยากตกรถ ยิ่งเห็นมันทำท่าจะลงอีก ก็ทนไม่ไหว
ทีนี้แหละ sm ก็ได้โอกาสซื้อ ล่อให้ mass จำนวนมากที่สุดเปิด short order ให้มากที่สุ
จับ
คู่กับ long order ของ sm โดยจะแสดงให้เห็นในรูปของ sideway
โดยหากดูที่ time frame ใหญ่ขึ้น อาจจะเห็นเป็นแท่งสั้นๆ หรือโดจิ ที่มี volume สูงมาก
จากนั้น sm ก็ยกราคาขึ้นเล็กน้อยด้วยการ buy lot ใหญ่ๆ เพื่อ lock แมงเม่าผู้โชคร้ายกลุ่มนี้เอาไว้
โดยใช้จิตวิทยาว่า ไม่มีใครอยาก ปิด position ตอนมันแดงๆ ขาด
ทุนหรอก
แล้วก็ทำการกวาด supply ที่เหลือในตลาดให้หมด
ใน Forex >> Supply ก็คือ short order นั่นแหละ
เมื่อตลาดเห็นความผิดปกติ เช่น เห็นเป็นโดจิขายาว
(เนื่องจาก sm ดึงราคาขึ้นเพื่อ lock แมงเม่าพวกเปิดออเดอร์ขายไว้) ที่ time frame ใหญ่
ก็ไม่มีใครคิดจะเปิด short อีก พูดง่ายๆ supply หมดตลาดแล้ว

บ้านเราบางช่วงที่มะนาวขาดตลาด ราคามันขึ้นไปได้อย่างน่าตกใจ
ตลาด forex ก็เช่นกัน ยิ่งเป็นตลาดที่ demand/supply เกิดจากความรู้สึก ไม่ได้เกิดจากสินค้าจริงยิ่งหมดง่าย
นี่คือเป้าหมายของการ Accumulation ก่อนปล่อยราคาขึ้น
sm มักมี trick เด็ดอีกอันหนึ่ง คือเปิด short order ใหญ่ทีเดียว เพื่อให้ราคาวิ่งลง
จน
ดูเหมือนว่ามันจะ break out ลงข้างล่าง เพื่อล่อลวงแมงเม่าให้เข้ามาเปิด short ให้มากที่สุ
แล้ว sm ก็ buy สวน ให้ราคากลับมาในอ
ยู่ใน zone เดิม lock แมงเม่าผู้น่าสงสารไว้
หลังจากนั้น ไม่ว่าใครก็น่าจะมองออกแล้วว่าราคามันไม่ลงไปแล้ว ก็จะเกิด demand ขึ้นในใจของ mass
ในขณะที่ไม่มี supply ในตลาด คงไม่ต้องบอกว่าเหตุการณ์ต่อไปเกิดอะไรขึ้น

Mark Up
ถึงตอนนี้ sm นั่งเฉยๆ ดูราคาวิ่งขึ้น เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประดับหนึ่ง
ก็จะมี mass บางส่วนปล่อยของทำกำไร ทำให้ราคาตกกลับมา
ทว่า sm จะต้องรักษาเทรนด์เอาไว้เพื่อให้ราคาวิ่งขึ้นต่อจนถึงจุดที่น่าพอใจ
แต่ต้องการใช้เงินน้อยที่
สุด เขาจึงทำเพียงแค่หยุดราคาที่ตกเอาไว้ 
โดยจุดที่เขายอมให้มันลงต่ำสุดจนต้องเข้าแทรกคือจุดบนสุดของ accumulation zone
แต่หลายครั้งที่ sm ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ
mass เป็นผู้ดันราคากันขึ้นไปเองด้วย trend line บ้าง ด้วย fibo บ้าง (ตรงนี้น่าคิด?)
ทำให้ sm ได้กำไรแบบเนื้อๆ แค่นั่งดูเฉยๆ

Distribution

เมื่อราคาถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว sm ก็จะทำการหลอกล่อให้ mass เชื่อว่าราคามันจะวิ่งขึ้นต่อ
เช่น การทำ new high ให้ราคาวิ่งทะลุเส้นแนวต้าน 
เพื่อให้ mass เชื่อว่าราคาจะขึ้นแล้วเปิด long order โดยจับคู่กับการขายของ sm
ถ้าราคาวิ่งลงมา sm ก็จะดันราคากลับขึ้นไปใหม่อีก
ทำให้เราเห็น pattern จำพวก double top, tripple top, head and shoulder
จนเมื่อใกล้หมดก็ปล่อยของทีเดียวเรียบ ฟาดกำไรจนอิ่ม supply ล้นตลาด ในขณะที่ราคายังสูงอยู่
คงไม่ต้องบอกว่าราคาจะวิ่งลงเร็วขนาดไหน เมื่อมีการขาย (ปิด long position) lot ใหญ่
และยิ่งวิ่งลงเร็วขึ้นเมื่อ mass เกิด panic ตื่นตระหนกตกใจ

Mark Down
เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดที่ sm มั่นใจว่าจะปั่น demand ได้อีกครั้ง
ก็จะทำการ mark ช่วงราคาที่จะเริ่มทำ Accumulation อีกรอบ

***
แล้ว mass ล่ะ (นักลงทุนรายย่อยหรือแมงเม่าน้อยๆ อย่างเราๆ ท่านๆ)
mass สามารถเป็นผู้ผลักดันให้เกิดเทรนด์ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ นั่นคือช่วงข่าวแรงๆ
แต่หากมองในมุมของ sm แล้ว ถ้าข่าววิ่งทิศเดียวกับ sm เมื่อนั้น sm ก็ยิ่งได้กำไร
ถ้าวิ่งทิศตรงข้าม จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ sm สามารถเปิด order เพื่อจับคู่กับ mass
ทีเดียวเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยที่ mass ไม่รู้ตัวเลย

จากกระบวนการทั้งหมดจะพบว่า...
เมื่อใดก็ตามที่เราขายจับคู่กับ sm ซื้อ/หรือเราซื้อจับคู่กับ sm ขาย เราจะมีโอกาสขาดทุนสูงเสมอ
เมื่อใดก็ตามที่เรา buy ที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ sell ให้เราที่ราคานี้
และเมื่อใดก็ตามที่เราขายที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ซื้อของเราไปที่ราคานี้ ตามระบบการจับคู่
ก่อนเปิด order ให้หยุดนิดหนึ่ง แล้วดูว่าใครกันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเรา...

Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง

หมายเหตุ
- sm ไม่ได้จะสำเร็จทุกครั้งหรอก แต่เมื่อพวกนี้เสียก็เสียให้ในกลุ่ม sm กันเองนั่นแหละ
แล้วแต่ว่าจังหวะนั้นใครใหญ่กว่า...

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น