25 กรกฎาคม 2555

ช่วงตุลาฯ จับตาดูสเปนให้ดี

ขณะกำลังเขียนบล็อกตอนนี้ก็ประมาณห้าทุ่มตามเวลาประเทศไทย

วันนี้ สกุลเงินยูโรเริ่มมีชีวิตชีวาและแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง
คงเพราะตลาดขานรับถ้อย​แถลงของนาย​เอวัลด์ ​โนวอตนี สมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุ​โรป (อีซีบี)
นาย​โนวอตนีกล่าวว่า
ขณะนี้มี​การหารือกัน​เกี่ยวกับ​เรื่อง​การ​ให้​ใบอนุญาต​ทำธุรกิจธนาคาร​แก่กองทุนกล​ไกรักษา​เสถียรภาพยุ​โรป
ทั้งนี้ ​การอนุมัติ​ใบอนุญาต​ให้​แก่ ESM จะ​ทำ​ให้ ESM สามารถ​เข้า​ถึง​เงินกู้ของธนาคารกลางยุ​โรป​ได้
ซึ่งนักวิ​เคราะห์กล่าวว่า
ถ้อย​แถลงของนาย​โนวอตนี​ทำ​ให้ตลาดมี​ความหวังมากขึ้น​เรื่อง​การจัด​การกับวิกฤตหนี้ยุ​โรป
​เนื่องจากตลาดกังวลอยู่ว่าวง​เงินปัจจุบันของกองทุน ESM มีขนาด​ใหญ่​ไม่มากพอที่จะช่วย​เหลือส​เปน​และอิตาลี​ได้

ก็ไม่รู้ว่าถ้อยแถลงเท่านี้จะส่งผลเชิงบวกให้ยุโรปฟื้นสภาพในระยะยาวได้หรือไม่
ยิ่งในตลาดเงินที่อ่อนไหวง่าย พอมีปัจจัยข่าวไม่ว่าด้านใดก็อาจเกิดการปั่นและทุบราคากันได้ง่ายๆ
โดยวันนี้ทั้งข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของยุโรปและสหรัฐฯ ก็ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง

***
สเปนอาจต้องขอเงินช่วยเหลือ 
หวั่นไม่สามารถระดมทุน 5 หมื่นล้านยูโรได้ก่อนสิ้นปี


รอยเตอร์ระบุว่า หนี้สินของแคว้นต่างๆ ในสเปน ต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งขึ้น
ยอดขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นที่ลดลงในตลาด
ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลให้รัฐบาลกลางสเปนไม่สามารถระดมทุนที่จำเป็นได้ถึง 5 หมื่นล้านยูโรก่อนสิ้นปีนี้
นอกจากว่าสเปนจะขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศ

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สเปนกล่าวอ้างว่า การระดมทุนในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบาก
เพราะสเปนระดมทุนไปแล้ว 5.9 หมื่นล้านยูโรในช่วงครึ่งปีแรก จากเป้าหมายตลอดทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 8.6 หมื่นล้านยูโร
ซึ่งเท่ากับว่าสเปนมีความจำเป็นต้องระดมทุนเพียง 2.7 หมื่นล้านยูโรเท่านั้นในช่วงครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ดี ความจำเป็นในการระดมทุนของสเปนเพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้
เพราะรัฐบาลกลางสเปนจำเป็นต้องใช้เงินสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีประมาณ 1 หมื่นล้านยูโร
เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ตามเป้าหมายที่ตกลงกันไว้กับสหภาพยุโรป (อียู)
นอกจากนี้ รัฐบาลกลางสเปนยังต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นอีก 1.2 หมื่นล้านยูโร 

เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องให้แก่แคว้นต่างๆ ของสเปนที่มีหนี้สินสูงด้วย

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้สเปนจำเป็นต้องระดมทุนราว 5 หมื่นล้านยูโรในช่วงต่อไปในปีนี้
ขณะที่สเปนจำเป็นต้องลดยอดขาดดุลงบประมาณลงสู่ 6.3 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
โดยเป้าหมายนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเป้าหมายเดิมที่ 5.3 %

ฐานะการคลังของรัฐบาลสเปนถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลเป็นอย่างมากต่อนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา
นับตั้งแต่สเปนประสบความล้มเหลวในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลงตามเป้าหมายในปีที่แล้ว


ต้นทุนการระดมทุนของสเปนได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการใช้สกุลเงินยูโร
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 7.60% เมื่อวานนี้
ในขณะที่ตลาดมองว่า อัตราผลตอบแทนที่ระดับตั้งแต่ 7% ขึ้นไปจะส่งผลให้รัฐบาลประเทศนั้น
ไม่สามารถชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน

กระทรวงการคลังสเปนสามารถใช้เงินสดในคลังและสภาพคล่องระยะสั้น
ในการชำระหนี้ 1.287 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันจันทร์ที่ 30 ก.ค. 
อย่างไรก็ดี สเปนจะเผชิกับบททดสอบครั้งใหญ่ในวันที่ 29 ต.ค. และ 31 ต.ค.
เพราะพันธบัตรสเปนที่ครบกำหนดไถ่ถอนในสองวันดังกล่าวมี
มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.027 หมื่นล้านยูโร

ขณะนี้สเปนมีกันชนสภาพคล่องที่เป็นเงินสด 2.89 หมื่นล้านยูโร
แต่ปริมาณดังกล่าวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
โดยลดลงจาก 4.4 หมื่นล้านยูโรในเดือน เม.ย. และ 4.03 หมื่นล้านยูโรในเดือน พ.ค.
โดยเดือน ก.ค.และ ต.ค.เป็นเดือนที่มีการจัดเก็บภาษีในสเปน
แต่รายได้จากการจัดเก็บภาษีอยู่ในระดับต่ำนับตั้งแต่ต้นปีนี้
โดยลดลง 5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

ถ้าหากสเปนไม่สามารถจำหน่ายพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวได้ในจำนวนที่มากพอ
สเปนก็อาจจะใช้วิธีจำหน่ายตั๋วเงินคลังระยะสั้น อย่างไรก็ดี การพึ่งพาการระดมทุนระยะสั้น
เพื่อนำมาชำระหนี้ระยะยาวไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริง และสเปนจะต้องจ่ายต้นทุนที่สูงมาก

ทั้งนี้ สเปนเปิดประมูลตั๋วเงินคลังมูลค่า 3 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้
แต่สเปนต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เงินยูโรเป็นต้นมา

ขณะที่กระทรวงการคลังสเปนเคยระบุในช่วงต้นปีนี้ว่า
ทางกระทรวงวางแผนจะออกตั๋วเงินคลังระยะสั้น 1 แสนล้านยูโรก่อนสิ้นปีนี้
และขณะนี้ทางกระทรวงก็ได้ออกตั๋วเงินคลังระยะสั้นไปแล้ว 4.7 หมื่นล้านยูโร
และจำเป็นต้องกู้เงินใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้ตั๋วเงินคลังเก่าราว 3.5 หมื่นล้านยูโรก่อนสิ้นปีนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น