24 กรกฎาคม 2555

ข่าวฟอเร็กซ์ 24 ก.ค.

หลังจากมีข่าวว่าสเปนเริ่มมีแนวโน้มที่จะต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินในระดับประเทศ
และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่พุ่งสู่ระดับ 7.596%
ในขณะที่มูดี้ส์ได้ปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก
เป็นเชิงลบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ที่ยืดเยื้อของยูโรโซน
รวมทั้งแนวโน้มที่กรีซอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในการรับเงินช่วยเหลือได้ทันกำหนด
และอาจจะต้องออกจากยูโรโซนในที่สุด
ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงจากความวิตกต่อวิกฤติหนี้ในยูโรโซนอีกครั้ง
ส่วนในสัปดาห์นี้จะมีประกาศตัวเลข PMI ของหลายประเทศซึ่งคาดว่าจะออกมาไม่ดีนัก
และย่อมส่งผลกดดันต่อตลาดเงินและสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ต่อได้

ภาพหนี้สินในยุโรปดูมีทางออกที่ดีแต่ยังคงยืดเยื้อ 
นักลงทุนจึงจำเป็นต้องจับตาผลสรุปเกี่ยวกับท่าทีของเยอรมนี
ขณะที่นโยบายการเงินสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังผ่อนคลายเอื้อต่อการเก็งกำไร 
โดยเฉพาะหากมีมาตรการอัดฉีดเพิ่มเติม

สำนักงานสถิติ​แห่งสหภาพยุ​โรป ​หรือยู​โรส​แตท ​เปิด​เผยว่า
ยอดหนี้สาธารณะของรัฐบาลกลุ่มประ​เทศยู​โร​โซน​เพิ่มขึ้น​แตะระดับ 88.2%
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาย​ในประ​เทศ (จีดีพี)
ณ สิ้นสุด​ไตรมาส​แรกปีนี้ จากระดับ 87.3% ณ สิ้นสุด​ไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ประ​เทศที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพีสูงสุด ณ สิ้นสุด​ไตรมาส​แรก ​ได้​แก่ กรีซ 132.4%
ตามมาด้วยอิตาลี 123.3% ​โปรตุ​เกส 111.7% ​และ ​ไอร์​แลนด์ 108.5%
​ในขณะที่​เอส​โท​เนีย บัล​แก​เรีย ​และลัก​เซม​เบิร์ก มีอัตราส่วนต่ำที่สุดที่ 6.6%, 16.7% ​และ 20.9% ตามลำดับ

ติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ Euro-zone PMI ในช่วงบ่ายวันนี้
ได้แก่ ตัวเลขดัชนีการจัดการจัดซื้อภาคการผลิตและบริการในฝรั่งเศส เยอรมัน และยุโรปโดยรวม
ที่จะประกาศประมาณ 14.00 – 15.00 น. 
โดยเฉพาะบรรยากาศการลงทุนในยุโรปที่ดูย่ำแย่
อาจมองว่าตัวเลข PMI ที่มีการคาดกันว่าจะออกมาโตเล็กน้อยจากเดือนก่อน 
ส่วนตัวเลขการผลิตในสหรัฐฯ ที่สำคัญ คือ Flash Manufacturing PMI
ตัวเลขดัชนีการจัดการจัดซื้อภาคการผลิตในสหรัฐฯ ที่จะประกาศประมาณ 20.00 น.

วันนี้ ทางกลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป อีซีบี และไอเอ็มเอฟจะเข้าเยือนกรีซ
ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็สร้างความกังวลให้กับตลาดไม่แพ้เรื่องสเปนเช่นกัน
โดยที่ก่อนหน้านี้สกุลเงินยูโรมีการรีบาวน์ขึ้นมาหลังจากไอเอ็มเอฟได้ประกาศว่า
จะเริ่มเข้าหารือเจรจากับผู้มีอำนาจของกรีซในเรื่องที่ว่า
ควรทำอย่างไรเพื่อดึงเศรษฐกิจของกรีซกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
จึงทำให้กรีซกลับมาเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตาขณะวิกฤตหนี้ยุโรปยังไม่สิ้นสุดลงอีกครั้งในสัปดาห์นี้
พร้อมกันนั้น องค์กรเจ้าหนี้ของกรีซต้องประเมินการดำเนินการของกรีซว่า
เป็นไปตามเป้าหมายในการขอรับเงินช่วยเหลือหรือไม่ ส่งผลให้เกิดความกังวลอีกระลอกว่า
กรีซอาจจะต้องออกจากยูโรโซนหรือไม่

ภาพจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส หนึ่งในสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก
ได้ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก
ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิมมีเสถียรภาพ
โดยระบุถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
ซึ่งการตัดสินใจปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของทั้ง 3 ประเทศในครั้งนี้
มูดี้ส์พิจารณาจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่า กรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน
ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะ 'วิกฤตการณ์ภาคการเงินแบบลูกโซ่'
และจะทำให้เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก
รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดนั้น ต้องแบกรับภาระในการให้ความช่วยเหลือ

นายมาซาอากิ ชิราคาวะ ​ผู้ว่า​การธนาคารกลางญี่ปุ่น (บี​โอ​เจ) กล่าว​เตือน​ในวันนี้ว่า
วิกฤตหนี้ยุ​โรป​และ​เศรษฐกิจของสหรัฐที่​เปราะบาง​เป็นปัจจัย​เสี่ยงที่จะถ่วง​การฟื้นตัวทาง​เศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ผู้ว่า​การบี​โอ​เจกล่าวว่าหากปัญหาหนี้ของยุ​โรป​เลวร้ายลง ​ก็จะส่งผลกระทบต่อ​การค้า ​
ความ​เชื่อมั่นทางธุรกิจ ระบบ​การ​เงิน​และอัตรา​แลก​เปลี่ยน
ดังนั้น ​จึงจำ​เป็นต้อง​ให้​ความสน​ใจอย่างจริงจังกับปัจจัย​เสี่ยงดังกล่าว...

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์มองว่า สกุลเงินเยน
ซึ่งเคยสร้างสถิติแข็งค่าเทียบสุดเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว
กำลังกลายเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการหนีความเสี่ยง
ท่ามกลางกระแสความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐฯ
โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเคยออกโรงเตือนหลายครั้งว่า
สกุลเงินเยนกำลังได้รับการตีค่าสูงเกินเหตุ ส่งผลให้รัฐบาลต้องเข้าแทรกแซง
เพื่อควบคุมค่าเงินเยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น