20 สิงหาคม 2555

ข่าวฟอเร็กซ์ 20 ส.ค.


สกุลเงินยูโรปรับตัวลงเมื่อเทียบดอลลาร์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายยูโรเพื่อรอดูปัจจัยข่าวด้านต่างๆ
หรือเหตุการณ์สำคัญที่อาจจะทดสอบความต้องการเสี่ยงของนักลงทุนเอง

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปยังปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนได้ในแดนบวก แม้ว่ามูลค่าซื้อขายจะเบาบางไปบ้าง
แต่นักลงทุนก็ยังคงมีความคาดหวังเชิงบวกว่า
ผู้กำหนดนโยบายของยูโรโซนใกล้ที่จะร่วมมือกันดำเนินมาตรการแก้ไขวิกฤติหนี้ในเร็วๆ นี้

นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ของอิตาลี ได้กล่าวสุนทรพจน์ โดยระบุว่า
ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทั้งอิตาลีและยุโรปจะต้องเผชิญก็คือ
จะต้องไม่ทำให้เงินยูโรกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มยูโรโซนเกิดความแตกแยก
ด้วยการที่ประเทศในยุโรปเหนือกดดันประเทศในยุโรปใต้ ซึ่งกำลังประสบกับวิกฤติหนี้สินด้วยความมีอคติ
โดยขณะนี้ถือว่ายูโรโซนยังคงมีความเสี่ยงอยู่
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปและกลุ่มยูโรโซนมีความเห็นไม่ลงรอยกัน
เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขวิกฤติหนี้สินที่กำลังรุมเร้าหลายประเทศ 
ซึ่งผู้นำอิตาลียังกล่าวด้วยว่าประเทศอื่นๆ ควรจะให้โอกาสแก่อิตาลี
ในการแก้ปัญหาให้หลุดพ้นจากวิกฤติหนี้สิน 
รวมทั้งป้องกันไม่ให้วิกฤติการณ์ดังกล่าวลุกลามไปยังประเทศที่เศรษฐกิจอ่อนแออย่างเช่นสเปน เป็นต้น

นายฌอง คล็อด จุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ป

นายฌอง คล็อด จุงเกอร์ แห่งลักเซมเบิร์ก ในฐานะประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า
กรีซจะไม่ออกจากยูโรโซน เว้นแต่กรีซจะปฏิเสธในการปฏิบัติตามเป้าหมายการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งนายจุงเกอร์คาดหวังให้กรีซเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการทำให้เป้าหมายการปฏิรูปบรรลุผล
นอกจากนี้ ประธานยูโรกรุ๊ปยังระบุต่ออีกว่า
การที่กรีซพยายามเจรจาขอขยายเวลาไปอีก 2 ปีนั้นยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นเร่งด่วนอะไร
แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลการประเมินจากกลุ่มทรอยก้าเป็นสำคัญ

นายวูล์ฟกัล ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ก็ได้กล่าวเมื่อวันเสาร์เช่นกันว่า
แม้นจะมีข้อจำกัดในการยื่นความช่วยเหลือต่อกรีซ
แต่กรีซก็ไม่ควรคาดหวังในการเรียกร้องขอความช่วยเหลือครั้งใหม่
ซึ่งเศรษฐกิจของกรีซตกอยู่ในภาวะถดถอยมาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว
อีกทั้งประชาชนเองก็ยังมีความไม่พอใจทางการเมืองและสังคมเพิ่มมากขึ้นด้วย

นายแอนโทนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ มีกำหนดการหารือกับนายฌอง คล็อด จุงเกอร์ ในวันพุธ
จากนั้นก็จะเข้าเยือนเยอรมนีในวันศุกร์ และไปเยือนฝรั่งเศสในวันเสาร์ของสัปดาห์นี้
เพื่อพูดคุยหารือเรื่องวิกฤตหนี้ที่กำลังดำเนินอยู่

สิ้นเดือนนี้ต้องตามดูว่าการประชุมที่แจ็คสัน โฮลล์ อาจมีการกล่าวถึงมาตรการ QE3 เป็นอย่างน้อย
จาก นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานกลางสหรัฐฯ (FED) โดยมีการสำรวจจากรอยเตอร์โพลระบุว่า
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีโอกาสเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่เฟดจะออกมาตรการ QE3 มาอยู่ที่ 60%

ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทในประเทศ
โดยอัตราเติบโตผลกำไรของบริษัทที่จดทะเบียนในจีนหดตัวลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก
ซึ่งท่ามกลางความไม่เสถียรและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตหนี้ยูโรโซน
เศรษฐกิจของจีนเติบโตขึ้น 7.6% ในไตรมาสที่สองเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ซึ่งถือเป็นระดับการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบมากกว่า 3 ปี

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น