23 กรกฎาคม 2555

แง่คิดเสี่ยยักษ์

ช่วงนี้ ชีวิตค่อนข้างวุ่นๆ และมีหลายอย่างที่ต้องทำ
ขณะที่เรื่องเทรด Forex ก็ปล่อยวางและถอยห่างจากตลาดบ้าง
คือ ถ้าเทรดเงินจริงก็ไม่น่าเล่นเท่าไหร่ ความผันผวนมีสูงและเกิดได้โดยไม่คาดคิดเสมอ
ทว่าผมก็เปิดบัญชีเดโมไปเมื่อเช้าละ ประเดิมสัก 10,000$ เลย กะเทรดแบบไม่ต้องคิดมาก
เทรดเพื่อวางราคาไว้ดูตลาดเงินว่าจะเป็นเช่นไร
ดูกราฟสัปดาห์ แล้วจับตาดูว่า EU จะทำโลว์ใหม่เมื่อวันที่ 6 เดือน 6 ปี 2010 ที่ราคา 1.1874 ได้หรือไม่!!
ส่วน EJ ไม่ต้องกล่าวถึง เปิดกราฟเดือนดูแล้ว โอ้!!! ร้อนแรงจริง

ส่วนประเด็นข่าวก็ยังไม่คอยมีอะไรนัก
จากเว็บ forexfactory ช่วง 3 ทุ่ม มีข่าว Consumer Confidence (ข่าวเหลือง)
Consumer Confidence จะออกทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือน เป็นข้อมูลเดือนปัจจุบัน
เป็นการสำรวจในแต่ละครัวเรือน โดยตัวเลขตัวนี้จะมีความสัมพันธ์กับเรื่องของ การว่างงาน
อัตราเงินเฟ้อ และรายได้ที่แท้จริง
การที่ตัวเลขมีค่าที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งค่า 

** รอยเตอร์รายงาน ธนาคารกลางสเปนเปิดเผยว่าเศรษฐกิจสเปนหดตัวลง 0.4%
ในไตรมาสเดือนเม.ย.-มิ.ย. หลังหดตัวลง 0.3% ในไตรมาสแรกปีนี้
ขณะที่ธนาคารกลางยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะหดตัวลง 1.0% ในปีนี้
เทียบกับที่คาดว่าจะหดตัวลง 0.4% ในไตรมาสก่อน ทั้งนี้สเปนจะเปิดเผย
ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เบื้องต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ก.ค.นี้

** รอยเตอร์รายงานว่า นายอเล็กซานเดอร์ โดบรินท์ เลขาธิการพรรคคริสเตียน โซเชียล ยูเนียน (CSU)
ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของเยอรมนี เปิดเผยว่า
กรีซควรจะเริ่มจ่ายเงินบำนาญและเงินเดือนข้าราชการเป็นสกุลเงินดราคมาครึ่งหนึ่ง
เพื่อเป็นการเริ่มกระบวนการออกจากยูโรโซนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ซึ่งเป็นวิธีที่ดีสำหรับกรีซมากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน
และการใช้เงินดราคมาเป็นสกุลเงินคู่ขนานไปด้วยจะทำให้เศรษฐกิจมีโอกาสที่จะขยายตัวขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจาก "ทรอยกา" ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป, ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเดินทางถึงกรุงเอเธนส์ในวันพรุ่งนี้
เพื่อตรวจสอบการปรับลดงบรายจ่ายประมาณ 1.17 หมื่นล้านยูโร
ที่กรีซต้องดำเนินการในปี 2013 และ 2014

...........

ช่วงนี้ ไม่น่าเทรดฟอเร็กซ์จริงๆ
หากคิดจะซื้อสกุลเงินยูโรถือไว้ก็ยากจะเก็งกำไรระยะยาว
หรือไม่ถ้า buy ไว้แล้วมีกำไรก็ต้องรีบปิดออเดอร์ เดี๋ยวเกิดร่วงอีกจะโดนลากติดลบเอา
ทั้ง EU ไหนๆ ก็ร่วงผ่าน 1.2000 ได้แล้ว ก็ไม่รู้มันจะพิศวาสอยากไปทำนิวโลว์ของปี 2010 หรือเปล่า
ครั้นจะเล่น sell ก็แหม...เกิดปุบปับมีปัจจัยข่าวด้านบวกมา แล้วมันดีดขึ้น จะกลายเป็นขายก้นเหวอีก
เดี๋ยวนี้ อินดี้ชักเอาไม่อยู่ ไม่ชัวร์ ยิ่งไทม์เฟรมสั้นก็สัญญาณหลอกง่าย
พอเห็นสัญญาณขึ้นกลับกลายเป็นแค่พักหรือปรับฐานแล้วก็ร่วงต่ออย่างกับทรายดูด

 เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์

มาอ่านแง่คิดของ "กูรูพันล้าน" เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ กันต่อ

#  ถ้าเราอ่านว่าหุ้นตัวนี้กำลังเป็น "ขาขึ้น" แต่วอลุ่มมัน "หาย" (วอลุ่มเทรดลดลง)
หมายความว่ารายใหญ่กำลัง "เก็บของ" ไม่ปล่อยหุ้นออกมาหมุนเวียนในตลาด
สภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นจะค่อยๆ ลดลง..เพราะฉะนั้น ถ้าเราไปเจอ "หุ้นขึ้น วอลุ่มหาย"
นี่คือสุดยอดหุ้น ใครหาพบคนนั้นรวย
พูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ คำว่า "วอลุ่มหาย" หมายความว่า
รายใหญ่อยู่ในช่วงสะสมหุ้น เก็บหุ้น "ใส่ปี๊บ" ไม่เอาหุ้นมาหมุนในตลาด
แต่ถ้าเป็นกรณี "ตรงกันข้าม" สมมติว่า "หุ้นขึ้น" อยู่ดีๆ แล้วมีแรงขาย "ทุบฮวบ"
กดให้ราคาหุ้น "หล่น" ลงมาพร้อม "วอลุ่ม" ที่หนาแน่น
เป็นการยืนยันว่าหุ้นตัวนั้น "หมดรอบ" แล้ว คุณต้องขายทิ้ง
ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าหุ้นตัวนั้นกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็น "ขาลง"

#  ส่วนตัวชอบใช้กราฟ MACD ระยะเดือน (Month)
เป็นดัชนีชี้นำหลักสำหรับการลงทุน "รอบใหญ่ๆ" ที่ผ่านมาก็ใช้ได้ผลดีมาตลอด
แต่ถ้ามาถามรายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎี "ผมไม่รู้" แต่รู้ว่าถ้า MACD ทะลุ "ศูนย์" ลงไปเลย "ไม่ดี"
แต่ถ้า MACD อยู่ต่ำกว่าศูนย์ มันจะขึ้นมาที่ศูนย์ก่อน
จากนั้นหุ้นจะปรับตัวลงอีกรอบ คือมีการพักตัวรอบใหญ่ แล้วถ้ามันกลับมาที่ "ศูนย์" อีกที บีบตัวแล้ว "ตัดขึ้น"
คราวนี้หุ้นจะเป็นขาขึ้น "รอบใหญ่"
มันเป็นสูตรวิธีคิดว่า การที่ MACD มันบีบแล้ว "รอ" ตัดขึ้นเหนือ "ศูนย์" ราคาหุ้นอยู่ในเขต "Oversold"
คือ อยู่ในเขตขายมากเกินไป จนข่าวร้ายไม่มีผลต่อราคา ไม่มีทางร้ายไปกว่านี้แล้ว
คนที่ติดหุ้นอยู่จะให้ขายก็ไม่อยากขายขาดทุนมาก จะให้บุ่มบ่ามรีบซื้อก็ยังไม่กล้าซื้อ นิ่งๆ เฉื่อยๆ ชาๆ
"จุดนั้นคือจุดที่อันตรายที่สุด แต่เป็น...จุดที่ปลอดภัยที่สุด คือประมาณ ตี 5 ถึง ตี 5 ครึ่ง
จ่ายกับข้าวสบายๆ ไม่ต้องแย่งกับใคร ถ้าอยากจะรวย คุณต้องรอจังหวะนี้ให้ได้"

# นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะระมัดระวังตัว จะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน
ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่มและจะไม่ถือยาว
ถ้ามั่นใจหุ้นตัวไหนมากๆ ก็ซื้อหุ้นตัวนั้นเก็บเอาไว้ครึ่งหนึ่งก่อน
และเมื่อไรที่เห็นปริมาณการซื้อขายเข้ามามากๆ ก็จะรีบซื้อหุ้นอีกครึ่งหนึ่งทันที
กลยุทธ์นี้ หมายถึงการ "หยั่งกำลังหุ้น" หรือการ "โยนหินถามทาง"
การลงทุนครั้งแรก เราต้องเริ่มจากเงินก้อนเล็กก่อน ถ้าชนะค่อยสู้ต่อ ถ้าแพ้ก็ "เลิก"
ถ้าเข้าไปแล้วมีกำไรส่วนหนึ่ง ก็จะเอากองหลังมาสู้เพิ่ม ถ้าพลาดท่าก็จะ Cut Loss ทิ้ง ยังเหลือกองหลังไว้พยุงตัว
"วิธีการซื้อหุ้นที่ดี เราอย่าเพิ่งทุ่มก้อนใหญ่ ค่อยๆ หย่อนลงไป ลงแล้วชนะ (ทัพหลวง) ค่อยตามลงไป"

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น