10 กรกฎาคม 2555

ข่าวฟอเร็กซ์ 10 ก.ค.

ราคาทองคำดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลง 1.6% ​ในสัปดาห์ที่​แล้ว
ขณะที่ตลาดจับตา​การประชุมรัฐมนตรีคลังยุ​โรป ​ซึ่งจัดขึ้น​เป็น​เวลา 2 วันที่กรุงบรัส​เซลส์ ​
โดยการประชุมมีวัตถุประสงค์​เพื่อหารือ​เกี่ยวกับมาตร​การต่างๆ
ซึ่งบรรดา​ผู้นำยุ​โรป​ได้​เห็นชอบร่วมกัน​ใน​การประชุม​เดือนที่​แล้วว่ามีคืบหน้าอย่าง​ไรบ้าง
ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังยุ​โรปประชุมร่วมกัน​เพื่อหารือ​เกี่ยวกับ​การ​ให้​ความช่วย​เหลือส​เปน​และ​ไซปรัส
รวม​ถึงหารือ​เกี่ยวกับสถาน​การณ์​ในกรีซ ​โดย​การประชุมครั้งนี้
มีขึ้นท่ามกลาง​ความ​ไม่มั่น​ใจ​เกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตร​การกู้วิกฤตที่ที่ประชุมอียู ซัมมิท
ได้ประกาศรับรอง​เมื่อ​ไม่นานมานี้ ขณะที่รัฐบาลหลายประ​เทศ​ได้ขู่ที่จะ​โหวตคัดค้านมาตร​การ​เหล่านี้
​ซึ่งรวม​ถึง​การ​เปิดทาง​ให้สามารถจัดสรร​เงิน​ในกองทุนช่วย​เหลือภูมิภาค​ได้ง่ายขึ้น
​และ​การจัดตั้งหน่วยงานกำกับดู​แลธนาคาร​ในภูมิภาค


สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า รัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิกยูโรโซน 17 ประเทศ
จะประชุมกันในวันนี้ (9 ก.ค.) ที่กรุงบรัสเซลส์ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ตามเวลาไทย
โดยรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) จะหารือกันถึงแผนการในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ยูโรโซน
แต่มีแนวโน้มว่าการประชุมกันในครั้งนี้
อาจเป็นการตอกย้ำถึงข้อจำกัดที่มีอยู่ในข้อตกลงของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู)
ในเดือน มิ.ย.ในการช่วยเหลือรัฐบาลและธนาคารที่มีหนี้สูงในยูโรโซน

ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่ายูโรโซนจะต้องใช้เวลานานหลายเดือน
ในการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในเรื่องการกำกับดูแลภาคธนาคาร, 
การใช้เงินของกองทุนคุ้มครองยูโรโซน, การให้ความช่วยเหลือแก่สเปนและไซปรัส 
และในการตัดสินใจว่าจะยอมประนีประนอมกับกรีซหรือไม่ 
ถึงแม้ยูโรโซนได้รับแรงกดดันมากยิ่งขึ้นให้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ผู้นำประเทศสมาชิกยูโรโซนได้บรรลุข้อตกลงกันในเดือน มิ.ย.
ในการมอบอำนาจให้แก่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน
และอนุญาตให้มีการใช้กองทุนคุ้มครองยูโรโซนในการลดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศสมาชิก

อย่างไรก็ดี เนื้อหาสำคัญในข้อตกลงฉบับนี้ยังคงมีความคลุมเครือและมีแนวโน้มว่า
ยูโรโซนจะไม่สามารถปฏิบัติตามกรอบเวลาในข้อตกลงนี้ได้
ทั้งรัฐมนตรีคลังยูโรโซนอาจจะต้องจัดการประชุมอีกครั้งในช่วงต่อไปในเดือน ก.ค.
เพื่อตัดสินใจอย่างหนักแน่นในประเด็นเหล่านี้ให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

ขณะที่นักการทูตคนหนึ่งของยูโรโซนกล่าวว่า...
การประชุมในครั้งนี้เป็นการสานต่อจากการประชุมสุดยอดผู้นำยูโรโซนที่ผ่านมา
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการกำหนดรายละเอียดทั้งหมดในข้อตกลงในการประชุมครั้งนี้
เนื่องจากประเด็นเรื่องการกำกับดูแลของอีซีบีเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนและถือเป็นปัญหาระยะยาว
ทำให้ไม่สามารถที่จะตัดสินใจกันได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป ( ECB)

นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีจะเข้าแถลงต่อรัฐสภายุโรปในวันนี้ก่อนการประชุมยูโรกรุ๊ป
โดยมีความเป็นไปได้ที่นายดรากีอาจจะส่งสัญญาณถึง
การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังยิ่งขึ้นในอนาคต เช่น 
มาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ธนาคารพาณิชย์ 
หลังจากอีซีบีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่สถิติต่ำสุดที่ 0.75 % ในสัปดาห์ที่แล้ว

ซึ่งแผนการที่ผู้นำยูโรโซนตกลงกันไว้ระบุว่า
อีซีบีจะมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์
และหลังจากนั้นก็จะมีการอนุญาตให้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)
เพิ่มทุนให้แก่ธนาคารพาณิชย์ได้โดยตรง
โดยไม่ต้องให้ความช่วยเหลือผ่านทางรัฐบาลเหมือนในปัจจุบัน

มาตรการนี้ถือเป็นการประนีประนอมกับสเปน
โดยสเปนได้ขอเงินช่วยเหลือราว 1 แสนล้านยูโร (1.25 แสนล้านดอลลาร์)
เพื่อนำมาเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารพาณิชย์สเปน
กระนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสเปนจะได้รับเงินช่วยเหลือนี้เมื่อใด

ESM มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในฤดูร้อนปีนี้ แต่เจ้าหน้าที่ยูโรโซนคนหนึ่งกล่าวว่า
ในช่วงนี้ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องค้ำประกันความช่วยเหลือที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับจาก ESM
วิธีการนี้อาจช่วยลดความกังวลของเยอรมนี ซึ่งไม่ต้องการเห็น ESM แบกรับความเสี่ยง

ข้อตกลงของผู้นำยูโรโซนอนุญาตให้ ESM และกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)
สามารถเข้าซื้อพันธบัตรยูโรโซนทั้งในตลาดแรก (การเปิดประมูล) และตลาดรอง (ตลาดเปิด)
เพื่อกดดันต้นทุนการกู้ยืมให้ลดลง
โดยอาจมีกำหนดเงื่อนไขบางประการสำหรับประเทศเจ้าของพันธบัตร
แต่จะไม่มีการกำหนดเงื่อนไขมากเท่ากับมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ

ขณะที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และฟินแลนด์คัดค้านมาตรการนี้
อย่างไรก็ดี สนธิสัญญา ESM ระบุว่า ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้น
ESM สามารถตัดสินใจได้โดยใช้เสียงข้างมากประมาณ 85 %
ซึ่งนั่นหมายความว่าเนเธอร์แลนด์และฟินแลนด์ไม่สามารถขัดขวางมาตรการนี้ได้
เพราะสองประเทศนี้ครองเสียงโหวตรวมกันเพียงแค่ 8 % เท่านั้น

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น